อย่าเพิ่งตกใจ !! ถ้ารถสตาร์ทไม่ติด อาจมากจากสาเหตุนี้

SHARE
ปัญหากวนใจที่เชื่อว่าหลายคนไม่อยากให้เกิดขึ้น คืออาการ "รถสตาร์ทไม่ติด" มีวิธีสังเกตุหาสาเหตุ และวิธีแก้ไข มาฝากกันครับ
  1. แบตเตอรี่เสื่อม ข้อสันนิษฐานแรก เนื่องจากอายุการใช้งาน ขั้นต่ำของแบตเตอรี่ จะอยู่ที่อย่างน้อยประมาณ 2 ปีและมากสุดไม่เกิน 4 ปี อาการเตือนคือ รถเริ่มสตาร์ทติดยาก หรือกว่าจะสตาร์ทติดก็มีเสียงแชะๆ ลากยาว วิธีแก้ปัญหาให้ขอพ่วงแบตเตอรี่กับรถคันอื่นแล้วไปเปลี่ยนแบตฯใหม่ที่ศูนย์บริการทันที
  2. ไดชาร์จเสื่อม  อาการค่อนข้างคล้ายกับแบตเตอรี่เสื่อม แต่ถ้าเครื่องยนต์ติดอยู่ มันจะดับเองในขณะที่ใช้รอบต่ำ หรือหากรถกำลังเคลื่อนที่อยู่ อาจดับไปกลางอากาศเลยก็มี วิธีแก้ปัญหา ให้ใช้การพ่วงแบตเตอรี่กับรถคันอื่นเช่นกันแล้วจึงนำรถไปยังศูนย์บริการโดยเร็วที่สุด
  3. ไดสตาร์ทเสีย  หากสตาร์รถแล้วยังมีเสียงแชะ ๆ หรือไม่ติดเลย จะลองพ่วงแบตเตอรี่หรือนำแบตเตอรี่ลูกใหม่เปลี่ยนก็คงเป็นอาการเดิม ให้ลองสังเกตที่แผงหน้าปัดยังคงมีไฟติด ให้สันนิษฐานก่อนได้ว่า ไดสตาร์ทน่าจะมีปัญหา ซึ่งสาเหตุหลักมาจากฟิวส์ไดสตาร์ทขาด สายไฟฟ้าที่ต่อไปยังไดสตาร์ทหลุด หรือ แปรงถ่านที่อยู่ในไดสตาร์ทหมด เป็นต้น
  4. ระบบไฟฟ้ามีปัญหา  สังเกตได้จากการบิดกุญแจแล้วไฟที่แผงหน้าปัดไม่ขึ้นโชว์ อาการนี้อาจเกิดได้ในกรณีที่จอดรถทิ้งไว้นาน จนหนูเข้ามากัดสายไฟขาดหรือมาจากการที่ลืมปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถ เช่น เปิดไฟหน้า ไฟในรถหรือไฟส่วนอื่น ส่งผลให้ระบบไฟฟ้ารถยนต์มีปัญหาได้ การแก้ไขเบื้องต้นด้วยวิธีพ่วงสตาร์ต (ในรถเกียร์อัตโนมัติ) หรือ เข็นสตาร์ท (ในรถเกียร์ธรรมดา)และเมื่อสตารท์ติดแล้ว อย่าเพิ่งดับเครื่องทันที ให้ขับรถไปบนถนนสักพัก เพื่อให้แบตเตอรี่ได้รับการชาร์จไฟ จนมีประจุเพียงพอในการสตาร์ทครั้งต่อไปแต่ถ้าไม่มีการตอบสนองอะไรเลย ให้เรียกรถลากเข้าซ่อมที่ศูนย์บริการทันที
ไม่ว่าจะเกิดเหตุขึ้นอย่าลืมตั้งสติและค่อยๆหาวิธีรับมือนะครับและก็ควรมีอุปกรณ์พื้นฐานติดไว้ในรถยามฉุกเฉิน เช่น สายพ่วงแบตเตอรี่ติดรถไว้นะครับ